สารคดีออนซอนอีสาน

คอลัมน์ เลี้ยงชีพ

…เด็กเลี้ยงวัว…

“แม่….แม่… ออกแล้ว” เสียงร้องของเด็กชายวัยสิบขวบที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและดีใจ

“ตัวผู้หรือตัวเมีย” แม่ถาม “ตัวผู้จ้ะแม่” เด็กชายตอบพร้อมกับเดินไปตักน้ำที่อยู่ในสระข้างคอกวัว ขึ้นมาให้กระท้อนซึ่งกำลังยืนเลียลูกอยู่

ปลื้มเป็นเด็กชายวัยสิบขวบที่ได้รับมอบหมายจากครอบครัวให้ดูแลวัวของที่บ้าน เหตุเพราะพ่อต้องไปทำงานก่อสร้างในตัวอำเภอทุกวัน และแม่ก็ต้องเลี้ยงดูน้องซึ่งมีอายุเพียงสองขวบ นอกจากนี้เขายังมี แป้ง น้องสาวฝาแฝดที่หน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับเขา ทุกๆเช้าเด็กชายจะนำวัวออกจากคอกไม้เก่าๆ ที่ถูกสร้างตั้งแต่เขายังไม่เกิดออกมาผูกยังไร่นา วัวที่เด็กชายดูแลมีทั้งหมด 4 ตัว กระท้อน วัวแม่ลูกอ่อนที่พึ่งคลอดลูกถูกผูกไว้ข้างคอก เพราะพึ่งคลอดลูกใหม่ โตโน่ ลูกของกระท้อนเป็นชื่อที่ตั้งเพราะความชอบของเขา ยังคงวิ่งเล่นกลับไปกลับมาใกล้ๆ แม่ ถัดไปอีกคือ เขายาว วัวที่กำลังจะคลอดลูกและดูเหมือนมันจะปวดท้องเต็มทนเพราะแววตาทั้งสองข้างแฝงไปด้วยความเจ็บปวดและมีน้ำตาไหลออกมาตลอดเวลา ตัวสุดท้ายคือ ศรราม วัวหนุ่มสีน้ำตาลที่ผูกไว้ข้างกองฟางใกล้กับถนน

ำ.png

วันนี้เป็นวันที่เขามีความสุขที่สุดเพราะพึ่งได้รับสมาชิกตัวใหม่ แต่ไม่ใช่แค่นั้น พวกเขายังจะได้กินอาหารอันแสนโอชาของชาวอีสานที่ออกคลานตามลูกวัวมา เสียงของแม่ยังคงถามเด็กชายที่นั่งเฝ้ากระท้อนและลูกของมันอยู่เป็นระยะ   “ออกรึยังลูก”   “ยังจ้ะแม่”  เด็กชายหันมาตอบอีกครั้ง ซึ่งคำถามที่แม่ถามครั้งนี้แม่หมายความถึง “รกวัว”  หรือน้องวัวนั่นเอง  “ถ้าออกมาฉันจะเรียกแม่นะจ้ะ”   “เออๆ” แม่ตอบ

เด็กชายยังเฝ้ามองวัวสองแม่ลูกด้วยความภาคภูมิใจและทะนุถนอม ครั้นเวลาผ่านไปประมาณ 20 นาที เขายาวก็ได้คลอดรกวัวตามออกมา เขาใช้วิธีเอาถังไปรองไว้ เพื่อไม่ให้รกวัวตกถูกพื้นดินเพราะมันอาจจะทำให้เสียรถชาติไป

“ในที่สุดก็ได้สักทีนะจ๊ะแม่”

“เออ….เดี๋ยวเย็นนี้แม่จะต้มแล้วก็แบ่ง ลุง ป้า น้า อา จะได้กินกันทุกคน เพราะมันเป็นของแซบและหายาก”

ตามปกติของคนอีสานบ้านใกล้เรือนเคียงกันนั้น หากบ้านไหนมีวัวที่พึ่งคลอดใหม่ก็จะนำรกวัวมาแจกจ่ายแบ่งปันกันกิน แม้จะได้คนละนิดคนละน้อยแต่ก็ถือว่าเป็นน้ำใจและกลายเป็นวัฒนธรรมที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาช้านาน คืนนั้นทุกคนทานข้าวด้วยกันอย่างมีความสุขและเอร็ดอร่อย

“แม่จ๋า เราไปเอาวัวมาจากไหนตั้งหลายตัว”

“ก็ซื้อมาน่ะสิ ถามได้” แป้ง ผู้เป็นแฝดน้องรีบตอบแทนแม่

“เราไม่ได้ซื้อมาหรอกนะ แรกๆครอบครัวของเราก็มีวัวแค่ตัวเดียว คือเจ้ากระท้อนนั่นแหละ มันเป็นสมบัติชิ้นแรกที่พ่อกับแม่มี เพราะสมัยก่อนคนจะยากจนกว่านี้ และเมื่อใครแต่งงานก็จะได้สินสอดไม่มากนักแต่จะแถมด้วยวัวหรือควายเป็นของหมั้นไว้ให้ดูแลเลี้ยงดูขยายพันธุ์มาจนถึงทุกวันนี้แหละ” แม่ตอบพร้อมกับลุกไปตักต้มรกวัวมาเพิ่ม เพราะดูเหมือนทุกคนจะเอร็ดอร่อยกับรสชาติของมัน

เช้าวันใหม่ที่สดใส เด็กๆแต่งตัวไปโรงเรียนตามปกติ ส่วนใหญ่ทุกคนจะเดินเท้าไปเรียน เพราะโรงเรียนอยู่ใกล้บ้าน ทุกเช้าก่อนไปโรงเรียน ปลื้มจะไปนำวัวออกจากคอกไปผูกยังไร่นาและเขาก็จะใช้เวลาช่วงพักกลางวันในการตักน้ำไปให้วัวกินทีละตัว บางครั้งเขาใช้เวลาหลังเลิกเรียนไปเกี่ยวหญ้าที่ขึ้นตามคันนามาใส่ไว้ในคอก แต่พักนี้เขาไม่ค่อยได้ทำแล้วเพราะมันเป็นฤดูแล้งจึงไม่มีหญ้าขึ้นเท่าไหร่ แต่ก็ยังมีฟางข้าวที่พ่ออัดไว้เป็นก้อนตั้งแต่คราวเก็บเกี่ยวไว้เป็นอาหารหน้าแล้ง แต่ถ้าเป็นช่วงปิดเทอม เด็กในหมู่บ้านส่วนใหญ่ก็จะไม่ค่อยได้ไปไหน ตัวเขาก็เช่นกัน ส่วนมากพวกเด็กๆ จะได้รับหน้าที่เลี้ยงวัวของที่บ้าน ซึ่งทุกบ้านจะมีวัวเป็นของตัวเอง เพราะคนอีสานนิยมเลี้ยงวัวเพื่อขยายพันธุ์แล้วขายก็จะได้ในราคาดี ส่วนวัวนั้นก็จะได้จากการตกทอดจากบรรพบุรุษ บ้างก็ซื้อมาในราคาถูกๆ แล้วเลี้ยงให้อ้วนก็จะได้ราคาดี และยังมีโครงการของหมู่บ้านที่มีวัวมาให้จับฉลาก หากใครจับได้ก็จะได้นำไปเลี้ยงแต่ไม่ใช่ได้วัวเป็นของตน หากจับได้วัวแล้วจะต้องนำมาเลี้ยงเพื่อเอาลูกของวัวตัวนั้น แล้วส่งคืนให้หมู่บ้านเพื่อจับฉลากให้กับคนต่อไป ทุกๆ วัน พวกเด็กเลี้ยงวัวจะนัดหมายกันว่าวันนี้จะนำวัวไปเลี้ยงกันที่ไหน แล้วแต่ละคนก็จะมีห่อข้าวติดตัวเพื่อมารวมกันกินในตอนกลางวัน บางวันเขาไม่ได้เลี้ยงเฉพาะวัวของตน แต่ยังมีวัวที่คนในหมู่บ้านฝากเลี้ยงเพราะติดธุระไว้ให้ดูแล ส่วนค่าตอบแทนนั้นก็จะเป็นเงินที่ไม่มากนักให้เขาเพื่อเป็นค่าขนม พวกเขาไม่เคยคิดว่าการเลี้ยงวัวเป็นที่สิ่งที่ลำบาก แต่กลับคิดว่ามันสนุกและสร้างความสุขให้กับพวกเขา เพราะมันคือหน้าที่ที่พวกเขาต้องรับผิดชอบ และที่สำคัญ วัวที่เลี้ยงก็เป็นวัวของเขาเอง

เช้าวันรุ่งขึ้น…

“ปี๊บๆๆๆๆๆ” เสียงแตรรถยนต์ ทำให้เขาและทุกคนตื่นขึ้นมา ขณะนั้นเป็นเวลาหกโมงเช้า เขารีบลุกขึ้นจากที่นอนเพราะรู้ว่าเสียงนั้นเป็นเสียงรถของพ่อ เด็กชายวิ่งวนด้วยความตื่นเต้นและดีใจ แล้วตะโกนโหวกเหวกอย่างเสียงดัง  “ทุกคนตื่นได้แล้ว ไหนใครจะไปไหว้พระธาตุนาดูน รีบอาบน้ำแต่งตัวรถมารับแล้ว..” นี่เป็นอีกวันที่เขารอคอย เทศกาลงานนมัสการพระธาตุนาดูน ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในวันมาฆบูชา ปีนี้เด็กๆดูตื่นเต้นเหมือนทุกปี เพราะพวกเขาไม่ค่อยได้ไปเที่ยวที่ไหนไกลๆ เลย ส่วนมากเขาก็จะคลุกคลีอยู่กับวัวหรือวิ่งเล่นตามท้องนา ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่มีชีวิตแบบนี้ เด็กในหมู่บ้านส่วนใหญ่ก็เป็นแบบเขา และเมื่อทุกคนแต่งตัวเสร็จจึงได้พากันเดินทางไปไหว้พระธาตุนาดูนด้วยรถยนต์มือสองคันเก่าที่พ่อของเขาซื้อมาไว้ขนข้าวในฤดูเก็บเกี่ยว

บ่ายแก่ๆทุกคนได้เดินทางถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ และเขาก็พบกับข่าวดีอีกครั้ง เพราะเขายาว วัวของเขาได้คลอดลูกออกมาเพิ่มอีก 1 ตัว และเด็กชายก็ได้ตั้งชื่อให้มันว่า “ยอด”  เพราะมันช่างเป็นเรื่องที่สุดยอดจริงๆ สำหรับเขา

ไไ.png